สัมภาษณ์พิเศษ คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ กับ ทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90 และวิชาชีพพยาบาล

ทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90 ปี 2666

จากที่มูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ร่วมกับ บี.กริม จัดพิธีมอบ “ทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90” ประจำปี 2666 พร้อมจัดอบรม “โครงการค่ายตามรอยสมเด็จย่า” รุ่นที่ 5 นั้น ได้มีโอกาสสอบถามกับคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รองประธาน มูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพระราชูปถัมภ์ และ นายแพทย์สุวัช เซียศิริวัฒนา ในเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “ทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90” และมุมมองที่อยากฝากถึงวิชาชีพพยาบาล

ทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90 ปี 2666

     คุณหญิงทิพาวดี เล่าให้ฟังว่า สืบเนื่องมาจากการที่ทางมูลนิธิได้จัดสรรทุนให้ตั้งแต่ปี 2533 โดยเกิดขึ้นจากกลุ่มพระสหายและผู้ที่ตามเสด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่ได้มีโอกาสใกล้ชิด ได้เห็นว่าพระองค์อุทิศพระวรกายมุ่งมั่นทำเพื่อสังคมอย่างไรตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ท่าน ต่อมาทางคณะกรรมการมีความคิดว่าจะสร้างความสัมพันธ์กับผู้รับทุน เลยตั้งเป็นหลักสูตรสั้นๆ ตามรอยสมเด็จย่า เพื่อให้หลายคนที่เกิดมาไม่มีโอกาสได้รู้จักท่าน ได้รู้จักพระประวัติ รู้จักพระปณิธาน รวมถึงได้เรียนรู้ประสบการณ์จากผู้ที่ได้เคยทำงานร่วมกับพระองค์ท่าน และที่สำคัญ ได้ตระหนักรู้ว่าทุกกิจกรรมทุกการดำเนินการที่แต่ละบุคคลทำก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไร จะได้มีปณิธานในการประกอบอาชีพดำรงตนโดยมีพระองค์ท่านเป็นแรงบันดาลใจ

     โดยช่วงเวลารับทุนก็จะใกล้กับเวลาพระราชสมภพของทุกปี คือ 21 ตุลาคม นอกเหนือจากการได้เข้าใจพระราชประวัติ และประวัติความเป็นมาของมูลนิธิผ่านตัวอย่างผลงานต่างๆแล้ว ยังได้ไปดูสถานที่จริง เช่น พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ไปวังสระปทุมซึ่งเป็นที่ประทับของพระองค์ท่านตั้งแต่อดีต เป็นต้น และจะมีวิทยากรที่เราคัดสรรมาเพื่อสอนและปลูกฝังเรื่องต่างๆ  เช่น บทบาทของพยาบาล มารยาท บุคลิกภาพ ความรักและความผูกพันในชุมชนของตัวเอง

     ใจจริงอยากจะให้นักเรียนทุกคนได้มีโอกาสเข้าค่ายทุกคน แต่ด้วยข้อจำกัดด้านต่างๆ จึงจำเป็นต้องคัดสรรมาส่วนหนึ่ง แล้วคาดหวังว่าจะนำเอาพระปณิธานตรงนี้ ไปขยายผลต่อ เป็นตัวคูณในรุ่นของเขาเอง

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว อยากทราบถึงความสำเร็จที่ผ่านมา ที่ประทับใจเป็นพิเศษ

     สิ่งที่คุณหญิงทิพาวดีและทีมงานทุกคนเห็นตั้งแต่รุ่นแรกเลยก็คือ เห็นความกระตือรือร้น ความตั้งใจที่จะเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในกิจกรรม เพราะพวกเราเองก็มั่นใจว่าด้วยความตั้งใจ จริงใจ และความบริสุทธิ์ใจในการถ่ายทอดสิ่งดีงาม นำเสนอผ่านพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ สิ่งเหล่านี้เป็นความจริง ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่เกิดกับประชาชน สังคม ประเทศชาติ ถึงแม้หลักสูตรของเราใช้เวลาแค่สองวันกว่าๆ แต่ความทรงจำต่างๆ ความประทับใจที่ได้จากแคมป์นี้ก็จะอยู่กับเขาไปตลอด เป็นความบริสุทธิ์ที่จะผลิบานในหัวใจของเขาต่อไป ซึ่งเราในฐานะที่เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ผ่านชีวิตมาเยอะ เราก็อยากจะเห็นอะไรที่จะเกิดขึ้นในสังคมต่อไปในอนาคต

     นายแพทย์สุวัชขอเสริมว่า ปีนี้เป็นปีที่ห้าแล้ว น้องๆ พยาบาลส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่มาจากพื้นที่ต่างจังหวัด ดังนั้นการได้รับทุนตรงนี้ก็จะทำให้เขาสามารถที่จะร่ำเรียนได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องพะวงกับเรื่องของความขาดแคลน ส่งเสริมให้เขามุ่งมั่นตั้งใจในการศึกษาจนจบ เพื่อที่จะได้ไปตอบแทนบุญคุณแผ่นดินต่อไป ทุนนี้มีความพิเศษเพราะเป็นพระนามของสมเด็จย่า ซึ่งเขาน่าจะได้รู้จักว่าสมเด็จย่าได้ทรงสร้างหรือมีพระราชกรณียกิจที่มีคุณูปการมากเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพทย์และสาธารณสุข น้องๆ ที่ได้รับทัศนคติที่ดีไปจากค่าย ก็จะตระหนักรู้ว่า พยาบาลเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญ เป็นทั้งด่านหน้า และเป็นผู้ที่ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด มีจิตวิญญาณของความเสียสละ มีคุณธรรมและดำเนินชีวิตตามรอยพระบาทของพระองค์ท่าน

ทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90 ปี 2666

หลักเกณฑ์ของผู้ที่ได้รับทุนมีอะไรบ้าง

จากพระปณิธานของสมเด็จย่าที่ท่านบอกให้เป็นคนดี ดังนั้นทุนนี้ ซึ่งเป็นทุนให้เปล่าปีละ 10,000 บาท ต่อคน ตลอดสี่ปีก็เป็น 40,000 บาท จึงมีสองหลักเกณฑ์ใหญ่ คือ เป็นผู้ที่มีความขาดแคลนในการเรียนและเป็นคนดี เราเองไม่ได้คาดหวังอะไรจากการให้ เพียงแค่อยากให้ผู้รับทุนเกิดความตระหนักรู้ว่า ถ้าคุณเป็นคนดีชีวิตก็ยังมีความหวัง แต่ความหวังนั้นก็ต้องมีความกตัญญูรู้คุณด้วย โดยทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ตามอาชีพของเขา ก็คือเป็นพยาบาลดูแลผู้ป่วยตามวิชาชีพของตนเอง สร้างความดีงามในสังคม คุณหญิงทิพาวดี กล่าว

ทุนการศึกษาสมเด็จย่า 90 ปี 2666

ฝากถึงนักเรียนทุนและนักเรียนพยาบาลรุ่นต่อไป

     คุณหญิงทิพาวดีเปิดเผยว่าไม่เคยมองพยาบาลเป็นอาชีพธรรมดา รู้สึกเคารพและยกย่องว่าเป็นอาชีพของนักบุญ เป็นผู้ที่มีโอกาสทำบุญไปพร้อมๆ กับการทำงาน เพราะบุคคลที่ป่วยเขาอ่อนแอ อ่อนล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจ ดังนั้นจึงคาดหวังจริงๆ ว่านักศึกษาพยาบาลของเราจะตระหนักรู้ถึงตรงนี้ มอบความอบอุ่น ให้กำลังใจคนป่วยจนเขาหายป่วย อยากให้คนที่เป็นพยาบาลเกิดความภาคภูมิใจในอาชีพ และเกิดความรักทุ่มเททำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด

     นายแพทย์สุวัชฝากทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยได้รับการยอมรับในเรื่องการให้พยาบาล ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องของเทคโนโลยี แต่คือจิตใจที่พร้อมจะดูแลผู้ป่วยด้วยความเสียสละ ไม่ว่าจะเป็นคนไข้ในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม เข้าใจในเรื่องของความเจ็บป่วย ความต้องการคนที่จะมาดูแลในช่วงที่มีความทุกข์ทั้งกายทั้งใจ ตามแนวที่สมเด็จย่าเคยพูดถึงการเป็นคนดี และพระองค์ท่านก็เป็นพยาบาลที่ทรงเป็นแบบอย่างที่ดี ทรงเป็นพระมารดาของการแพทย์ สาธารณสุข และเป็นพระมารดาขององค์การพยาบาลบ้านเรา ดังนั้น พยาบาลทุกคนควรจะมีสมเด็จย่าอยู่ในหัวใจ สานต่อคุณค่าของการเป็นพยาบาลที่ดีต่อไป

Find More Love