ตรุษจีนคืออะไร มีที่มาอย่างไร พร้อมวิธีไหว้

ตรุษจีน

เมื่อเสียงประทัดดังสนั่นและสีแดงเจิดจ้าปกคลุมทุกมุมเมือง นั่นคือสัญญาณว่าตรุษจีนได้กลับมาอีกครั้ง เทศกาลแห่งความสุข ความโชคดี และการเริ่มต้นใหม่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมจีน

แค่ได้กลิ่นอายของอาหารมงคลและเห็นซองอั่งเปาในมือเด็ก ๆ ก็รู้เลยว่าช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! ตรุษจีน หรือ Chinese New Year เป็นเทศกาลสำคัญของชาวจีนทั่วโลก เป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นเทศกาลที่เน้นการรวมตัวของครอบครัวและการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการขอบคุณบรรพบุรุษ ไหว้เทพเจ้า ปัดเป่าสิ่งไม่ดี และต้อนรับความโชคดี ความมั่งคั่ง และความเจริญรุ่งเรือง

1. การทำความสะอาดบ้านก่อนวันตรุษจีน

  • ความสำคัญ: บ้านต้องสะอาดหมดจดก่อนเริ่มต้นปีใหม่ เชื่อกันว่าการปัดกวาดบ้านช่วยขจัดสิ่งไม่ดีและเคราะห์ร้ายออกไป

2. การไหว้บรรพบุรุษ

  • ความสำคัญ: เป็นการแสดงความเคารพและระลึกถึงบรรพบุรุษ โดยจัดโต๊ะไหว้ด้วยอาหารและเครื่องดื่ม เช่น หมู เป็ด ไก่ ขนมเข่ง ขนมเทียน และผลไม้
  • พิธีการ

      1. การเตรียมของไหว้
อาหารคาวที่ปรุงเสร็จและมีความหมายมงคล เช่น หมู เป็ด ไก่ ปลา / ผลไม้ เช่น ส้ม กล้วย / ขนมมงคล เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน / น้ำชา 3-5 ถ้วย / ข้าวสุก / กระดาษเงินกระดาษทอง 
      2. การจัดโต๊ะไหว้
จัดโต๊ะไหว้ในที่สะอาดและเหมาะสม โดยวางของไหว้ตามลำดับดังนี้ – ด้านหน้า: วางถ้วยน้ำชา ข้าวสุก และธูป – ตรงกลาง: วางอาหารคาว – ด้านหลัง: วางผลไม้และขนม – วางภาพหรือป้ายชื่อบรรพบุรุษไว้บนโต๊ะ เพื่อแสดงถึงการรำลึกถึงท่าน
      3. การเริ่มพิธีไหว้
จุดธูปแล้วไหว้บรรพบุรุษ โดยปักธูปในกระถางธูปตามจำนวนที่เหมาะสม (มักใช้เลขคี่ เช่น 3 หรือ 5 ดอก) กราบไหว้ 3 ครั้ง โดยเอ่ยคำอวยพรและขอให้บรรพบุรุษคุ้มครองลูกหลาน เชิญบรรพบุรุษมารับประทานอาหารที่จัดเตรียมไว้
      4. การเผากระดาษเงินกระดาษทอง
หลังจากเสร็จพิธี ให้เผากระดาษเงินกระดาษทองเพื่อส่งถึงบรรพบุรุษ มักเผาร่วมกับของที่เป็นตัวแทนความมั่งคั่ง เช่น บ้านจำลอง รถยนต์จำลอง หรือธนบัตรกงเต็ก
     5. การเก็บโต๊ะไหว้
รอจนธูปหมดดอก เพื่อให้บรรพบุรุษได้รับของไหว้อย่างครบถ้วน นำของไหว้ลงมารับประทานร่วมกันในครอบครัว เชื่อว่าเป็นการแบ่งปันพรและโชคลาภ
      ข้อควรระวัง
ห้ามใช้ของไหว้ที่บูดเสียหรือหมดอายุ / ห้ามจัดวางโต๊ะไหว้ในที่ไม่สะอาดหรือมีสิ่งกีดขวาง / หลีกเลี่ยงการพูดคำหยาบหรือเสียงดังในขณะทำพิธี

3. การไหว้เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ย

  • ความสำคัญ: เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ยเป็นเทพแห่งโชคลาภ การกราบไหว้ในวันตรุษจีนถือเป็นการเรียกทรัพย์และความมั่งคั่ง
  • พิธีการ

      1. การเตรียมของไหว้
เครื่องบูชา น้ำชา (5 ถ้วย) ข้าวสุก เหล้าขาว / ผลไม้มงคล ส้ม (5 หรือ 9 ผล) กล้วย (1 หวี) แอปเปิ้ล ทับทิม หรือผลไม้อื่นที่มีความหมายดี / ขนมมงคล ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมถ้วยฟู (สื่อถึงความรุ่งเรือง) / เนื้อสัตว์ (ถ้าต้องการ) หมู เป็ด ไก่ ปลาทั้งตัว (ควรปรุงสุก) / กระดาษเงินกระดาษทอง ชุดกระดาษเงินกระดาษทองสำหรับเทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ย / เทียนแดง 1 คู่ และธูปจำนวนคี่ (เช่น 5 หรือ 9 ดอก)
      2. การเลือกสถานที่และเวลาไหว้
สถานที่ ไหว้กลางแจ้ง เช่น บริเวณหน้าบ้าน หน้าร้านค้า หรือระเบียง
หันหน้าไปยังทิศมงคลประจำปีของไฉ่สิ่งเอี๊ย (เปลี่ยนทุกปี ควรตรวจสอบให้แน่ใจ) / เวลา เริ่มไหว้ช่วงดึกในคืนก่อนวันตรุษจีน หรือหลังเที่ยงคืน (ช่วงเปลี่ยนวันใหม่)
      3. การตั้งโต๊ะไหว้
จัดวางของไหว้เรียงตามลำดับดังนี้: วางเทียนแดงด้านซ้ายและขวาของโต๊ะ / วางเครื่องบูชา ผลไม้ ขนมมงคล และกระดาษเงินกระดาษทองไว้ตรงกลาง / หากมีรูปหรือรูปปั้นเทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ย ให้วางไว้ตรงกลางด้านหลัง
      4. การเริ่มพิธีไหว้
จุดเทียนแดงและธูป กล่าวคำอธิษฐาน ขอพรจากเทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ย กราบ 3 ครั้งเพื่อแสดงความเคารพ ปักธูปลงในกระถางธูป
      5. การเผากระดาษเงินกระดาษทอง
หลังจากธูปใกล้หมด ให้เผากระดาษเงินกระดาษทองที่เตรียมไว้ อาจเผาร่วมกับธนบัตรกงเต็กหรือของจำลอง เช่น บ้าน รถยนต์ หรือสิ่งของที่เชื่อว่าเทพเจ้าจะใช้ได้
      6. การเก็บของไหว้
รอจนธูปหมดดอกก่อนเก็บของไหว้ ของไหว้ที่เหลือสามารถแบ่งปันรับประทานในครอบครัว เพื่อเสริมโชคลาภ
      ข้อควรระวัง
ควรไหว้ด้วยความตั้งใจและศรัทธา / หลีกเลี่ยงการพูดคำไม่ดีหรือเสียงดังในขณะไหว้

4. การแจกและรับอั่งเปา

  • ความสำคัญ: อั่งเปา (ซองแดง) เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี เงินขวัญถุงในซองแดงช่วยเสริมความเป็นสิริมงคล
  • ผู้ให้และผู้รับ: ผู้ใหญ่หรือผู้ที่แต่งงานแล้วจะมอบอั่งเปาให้กับเด็ก ๆ หรือคนโสด พร้อมคำอวยพรที่ดี
ตรุษจีน

5. การแต่งกายด้วยสีแดง

  • ความสำคัญ: สีแดงเป็นสีมงคลของชาวจีน สื่อถึงความโชคดี ความสุข และการขจัดสิ่งชั่วร้าย
  • เคล็ดลับ: นิยมสวมเสื้อผ้าใหม่ทั้งหมดในวันตรุษจีน เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ด้วยสิ่งดี ๆ

6. การรับประทานอาหารมงคล

  • ความสำคัญ: อาหารที่รับประทานในวันตรุษจีนมักมีความหมายดี เช่น
    • 1. ปลา (鱼 – หยู)
      ความหมาย: สื่อถึง “ความอุดมสมบูรณ์” และ “เหลือกินเหลือใช้” เพราะคำว่า “หยู” ในภาษาจีนพ้องเสียงกับคำว่า “เหลือเฟือ” มักใช้ปลาทั้งตัวเพื่อสื่อถึงความสมบูรณ์แบบ
    • 2. เกี๊ยว (饺子 – เจี่ยวจือ)
      ความหมาย: สัญลักษณ์ของ “ความมั่งคั่ง” เพราะรูปร่างของเกี๊ยวคล้ายกับเงินจีนโบราณ
      เคล็ดลับ: ยิ่งปั้นมากยิ่งสื่อถึงโชคลาภที่เพิ่มพูน
    • 3. เส้นหมี่ (长寿面 – ฉางโซ่วเมี่ยน)
      ความหมาย: “อายุยืนยาว” เพราะเส้นหมี่ที่ยาวเป็นตัวแทนของชีวิตที่ยืนยาว
      ข้อควรระวัง: ห้ามตัดเส้นหมี่ขณะรับประทาน เพราะเชื่อว่าจะตัดอายุขัย
    • 4. ขนมเข่งและขนมเทียน (年糕 – เหนียนเกา)
      ความหมาย: สื่อถึง “ความเจริญรุ่งเรือง” และ “ความก้าวหน้าในชีวิต” เพราะคำว่า “เหนียนเกา” พ้องเสียงกับคำว่า “สูงขึ้นทุกปี”
    • 5. ถั่วลิสง
      ความหมาย: สัญลักษณ์ของ “ชีวิตที่ยืนยาวและมั่นคง” มักใช้ถั่วลิสงในรูปแบบของขนมหรือเป็นของว่าง
    • 6. ส้ม (橙 – เฉิง)
      ความหมาย: สื่อถึง “โชคลาภ” และ “ความมั่งคั่ง” เพราะคำว่า “เฉิง” พ้องเสียงกับคำว่า “ความสำเร็จ” มักใช้ส้มผลใหญ่และสดใสเพื่อเสริมพลังบวก
    • 7. ทับทิม
      ความหมาย: “ความอุดมสมบูรณ์” และ “ลูกหลานที่มากมาย” เพราะเมล็ดทับทิมสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์และความสามัคคีในครอบครัว
    • 8. เป็ดหรือไก่
      ความหมาย: เป็ด: สื่อถึงความสะอาดและความบริสุทธิ์ ไก่: สื่อถึงความสามัคคีในครอบครัวและการเริ่มต้นใหม่ มักเสิร์ฟทั้งตัวเพื่อความสมบูรณ์
    • 9. ผักใบเขียว
      ความหมาย: สื่อถึง “การเติบโต” และ “ความสมบูรณ์พูนสุข”
      ผักยอดนิยม: คะน้า ผักกวางตุ้ง
    • 10. ขนมถ้วยฟู
      ความหมาย: สื่อถึง “ความรุ่งเรือง” และ “ความสำเร็จ”
      การเสิร์ฟ: นิยมจัดเป็นคู่เพื่อเสริมความโชคดี
    • 11. ลูกชิ้นปลา/ลูกชิ้นเนื้อ (鱼丸/肉丸)
      ความหมาย: “ความสมบูรณ์” และ “ความกลมเกลียว” เพราะรูปร่างกลมสื่อถึงความสมานฉันท์
    • 12. เมล็ดแตงโม
      ความหมาย: “ลูกหลานเต็มบ้าน” เพราะเมล็ดแตงโมเป็นตัวแทนของการให้กำเนิดลูกหลาน
    • 13. หอยเป๋าฮื้อ
      ความหมาย: สื่อถึง “ความมั่งคั่งและร่ำรวย”
      ความนิยม: มักใช้ในอาหารจีนหรูหราในงานเฉลิมฉลอง
    • 14. กุ้ง (虾 – เซีย)
      ความหมาย: “ความสุขและเสียงหัวเราะ” เพราะเสียงของคำว่า “เซีย” คล้ายกับเสียงหัวเราะในภาษาจีน
    • 15. ซุปสมุนไพร
      ความหมาย: “สุขภาพที่ดี” และ “ความแข็งแรง”
      ส่วนผสมยอดนิยม: โสม พุทราจีน
    • 16. ขาหมูพะโล้
      ความหมาย: “ความร่ำรวย” และ “ความมั่นคงในฐานะการเงิน”
    • 17. หน่อไม้
      ความหมาย: สื่อถึง “การเริ่มต้นใหม่ที่ดี” เพราะหน่อไม้เป็นตัวแทนของการเจริญเติบโต
    • 18. บัวลอย
      ความหมาย: สื่อถึง “ความกลมเกลียวในครอบครัว” เพราะรูปลักษณ์กลมของบัวลอยเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความอบอุ่น

7. การจุดประทัดและดอกไม้ไฟ

  • ความสำคัญ: การจุดประทัดช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้ายและปีศาจ (เช่น “เหนียน” ในตำนาน)
  • บรรยากาศ: เสียงประทัดและแสงไฟจากดอกไม้ไฟสร้างความสนุกสนานและเสริมบรรยากาศเฉลิมฉลอง

8. การเชิดมังกรและสิงโต

  • ความสำคัญ: การเชิดมังกรและสิงโตเป็นสัญลักษณ์ของพลัง ความโชคดี และความสามัคคี
  • การแสดง: มักมีในงานเฉลิมฉลองใหญ่ เช่น ตลาดหรือขบวนพาเหรด

9. การเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง

  • ความสำคัญ: การเดินทางไปเยี่ยมญาติหรือเพื่อนสนิทในวันตรุษจีน สื่อถึงการรักษาความสัมพันธ์และอวยพรซึ่งกันและกัน

10. การงดทำสิ่งต้องห้ามในวันตรุษจีน

  • 1. ห้ามทำความสะอาดหรือกวาดบ้าน
    ความหมาย: เชื่อว่า การทำความสะอาดในวันตรุษจีนจะทำให้โชคลาภที่มาถึงบ้านในปีใหม่หายไป การกวาดบ้านจะเปรียบเสมือนการกวาดโชคดีออกจากบ้าน
    ข้อควรระวัง: ควรทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อยก่อนวันตรุษจีน เพื่อหลีกเลี่ยงการกวาดบ้านในวันดังกล่าว
  • 2. ห้ามใช้อุปกรณ์เหล็ก เช่น มีด หรือกรรไกร
    ความหมาย: การใช้เครื่องมือเหล็กในวันตรุษจีนอาจทำให้ “ตัดโชคลาภ” หรือทำให้โชคดีที่มาถึงถูกตัดขาด
    ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงการใช้มีด กรรไกร หรือเครื่องมือที่มีส่วนเหล็กในวันตรุษจีน
  • 3. ห้ามพูดคำหยาบหรือคำไม่ดี
    ความหมาย: เชื่อว่าคำพูดที่ไม่ดีหรือคำหยาบในวันตรุษจีนจะดึงดูดโชคร้ายและความไม่ดีเข้ามาในชีวิต
    ข้อควรระวัง: ควรใช้คำพูดที่สุภาพและดีงาม พูดแต่คำอวยพรและคำมงคลเพื่อเสริมโชคดี
  • 4. ห้ามยืมและให้ยืมเงิน
    ความหมาย: การยืมและให้ยืมเงินในวันตรุษจีนเชื่อว่าจะทำให้การเงินไม่มั่นคงและเกิดปัญหาการเงินในปีใหม่
    ข้อควรระวัง: ควรหลีกเลี่ยงการยืมเงินหรือให้เงินยืมในวันตรุษจีน เพื่อป้องกันโชคลาภการเงินที่ไม่ดี
  • 5. ห้ามทำการเจรจาหรือพูดเรื่องที่เกี่ยวกับหนี้สิน
    ความหมาย: การพูดถึงหนี้สินในวันตรุษจีนเชื่อว่าจะดึงดูดหนี้สินและปัญหาการเงินในปีใหม่
    ข้อควรระวัง: ควรหลีกเลี่ยงการพูดถึงหนี้สินหรือการทวงเงินในวันตรุษจีน
  • 6. ห้ามทำการทะเลาะหรือโกรธกัน
    ความหมาย: การทะเลาะหรือโกรธในวันตรุษจีนจะนำไปสู่ความไม่สบายใจและความขัดแย้งในปีใหม่
    ข้อควรระวัง: ควรระวังการพูดหรือทำอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในครอบครัวหรือกับคนรอบข้าง
  • 7. ห้ามใส่เสื้อผ้าสีขาวหรือสีดำ
    ความหมาย: สีขาวและสีดำในวัฒนธรรมจีนมักจะเกี่ยวข้องกับการไว้ทุกข์และความไม่ดี
    ข้อควรระวัง: ควรเลือกสวมเสื้อผ้าสีแดง สีทอง หรือสีที่สื่อถึงความมงคล เพื่อเสริมโชคลาภและความสุขในปีใหม่
  • 8. ห้ามใช้กระจก
    ความหมาย: การใช้กระจกในวันตรุษจีนอาจทำให้โชคลาภกระเด็นออกจากบ้าน
    ข้อควรระวัง: ควรหลีกเลี่ยงการใช้กระจกใหญ่ในช่วงเวลานี้ และควรตรวจสอบให้กระจกในบ้านสะอาด
  • 9. ห้ามให้ของหรือรับของที่เป็น “ของขวัญที่ไม่ดี”
    ของขวัญที่ควรหลีกเลี่ยง:
    นาฬิกา: มีความหมายว่า “การสิ้นสุด” หรือ “เวลาเดินไป”
    รองเท้า: เพราะคำว่า “รองเท้า” พ้องเสียงกับคำว่า “ไป” ซึ่งหมายถึงการจากลา
    มีด: เชื่อว่าเครื่องมือเหล็กอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนแตกแยก
    ควรเลือกของขวัญที่มีความหมายดี เช่น ส้มทอง หรือสิ่งที่สื่อถึงโชคลาภและความมั่งคั่ง
  • 10. ห้ามนอนตื่นสาย
    ความหมาย: เชื่อว่าการนอนตื่นสายจะทำให้โชคลาภและความสำเร็จมาไม่ถึงในปีใหม่
  • 11. ห้ามเดินออกจากบ้านก่อนมอบของขวัญให้ผู้ใหญ่
    ความหมาย: เชื่อว่า หากไม่ได้ทำพิธีมอบของขวัญหรืออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเดินทางออกจากบ้านจะทำให้โชคไม่ดีมาถึง
ตรุษจีน

เปิดเกร็ดประวัติตรุษจีน กับ ดร. วิทย์

ท็อปส์ จับมือกับดร. วิทย์ สิทธิเวคิน หรือ เฮียวิทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ร่วมสมัย และพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของแคมเปญ TOPS THE GREAT CHINESE NEW YEAR 2025 พาคุณนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปยังช่วงก่อกำเนิดวัฒนธรรมจีน มาดูกันว่าเทศกาลตรุษจีนมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และหลากหลายกิจกรรมที่นิยมทำกันในวันตรุษจีน แฝงความหมายสำคัญเอาไว้อย่างไร

ตรุษจีน

ทำไมปีใหม่ของคนจีนไม่ใช่วันที่ 1 มกราคม

      ดร. วิทย์ สิทธิเวคิน หรือ เฮียวิทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เล่าถึงความเป็นมาของตรุษจีน หรือ ปีใหม่ของชาวจีนว่า “หลายคนมักถามผมเสมอว่า ทำไมคนจีนจึงไม่กำหนดให้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันตรุษจีนเหมือนวันปีใหม่สากล ผมตอบง่าย ๆ ครับว่า เพราะวันที่ 1 มกราคม คือวันเริ่มต้นปีที่นับตามปฏิทินแบบสุริยคติ (Gregorian Calendar) แตกต่างกับปฏิทินแบบจันทรคติ (Lunar Calendar) ที่ชาวจีนยึดถือ ซึ่งปฏิทินแบบจันทรคตินี้ จะกำหนดให้วันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิเป็นวันแรกของปี สังคมจีนที่ให้ความสำคัญกับฤดูกาลเพาะปลูก จึงปักหมุดหมายให้การมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ หรือที่ในภาษาจีนเรียกว่า ชุนเจี๋ย (春节) เป็นวันเริ่มต้นศักราชใหม่ของพวกเขาครับ”

เปิดที่มาของ ‘ตรุษจีน’ เทศกาลแห่งความกตัญญูกตเวที

      ดร.วิทย์ กล่าวต่อว่า “ในอดีตโลกมนุษย์ของเราอิงกับฤดูกาลมาตลอด และสังคมส่วนมากก็เป็นสังคมเกษตรกรรม สังคมจีนก็เช่นเดียวกัน ตรุษจีนถือกำเนิดขึ้นโดยเชื่อมโยงกับฤดูกาลเพาะปลูก หรือวันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิเป็นวันแรกของปี ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง เชื่อมโยงกับความเป็นสิริมงคล คำถามต่อมาก็คือ แล้วอะไรล่ะที่จะแสดงถึงความเป็นสิริมงคล? คงต้องย้อนกลับไปมองที่ปรัชญาในการใช้ชีวิตของชาวจีนอย่างหลักขงจื๊อ หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า หยูเจีย (儒家) โดยหนึ่งในค่านิยมของปรัชญาขงจื๊อ ก็คือการแสดงความกตัญญูกตเวที ชาวจีนจึงถือว่าการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ เป็นสิ่งมงคลที่ต้องทำในวันตรุษจีน และนอกเหนือจากการแสดงความเคารพต่อบุพการี ยังต้องเสริมความมั่งมีศรีสุขให้กับชีวิตด้วย จึงมีการกราบไหว้เทพเจ้าเพิ่มเข้าไป ซึ่งเทพเจ้าที่คนจีนนิยมสักการะกันมากในเทศกาล ก็คือเทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ย (财神爷) เทพเจ้าแห่งโชคลาภนั่นเอง”

ตรุษจีน

ถอดรหัส ‘ของไหว้’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในวันตรุษจีน

      “พูดถึงการเซ่นไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้าแล้ว อีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคลที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือ ‘ของไหว้’ หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่าคนจีนมีวิธีการเลือกของเซ่นไหว้อย่างไร คำตอบก็คือวิธีคิดเชิงกุศโลบายที่ซ่อนอยู่ในสิ่งของเหล่านั้น เป็นต้นว่า สิ่งก็ตามที่ลักษณะแสดงถึงความเป็นมงคล เช่น ตำลึงเงิน ตำลึงทอง หรือสิ่งใดก็ตามที่แสดงถึงความยืนยาว เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยว ก็จะถูกนำมาใช้เป็นของไหว้  และนอกจากลักษณะภายนอกแล้วชาวจีนยังมีการใช้คำพ้องเสียงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคลเช่นกัน เช่น ส้ม ภาษาจีนเรียกว่า เฉิง (橙) พ้องเสียงกับคำว่า เฉิงกง (成功) ที่แปลว่าสำเร็จ ปลา ภาษาจีนเรียกว่า ยวี๋ () พ้องเสียงกับคำว่า ยวี๋ (余) ที่แปลว่าเหลือกิน เหลือใช้ หรือ แอปเปิ้ล ภาษาจีนเรียกว่า ผิงกั่ว (苹果) ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า ผิงอัน ( 平安 ) ที่แปลว่าปลอดภัย เป็นต้น”

‘อั่งเปา’ สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึง พร้อมกับความหมายที่ซ่อนอยู่

      “เมื่อพูดถึงวันตรุษจีน สิ่งแรกที่คนจะนึกถึงเลยก็คือการให้อั่งเปา เพราะนอกจากจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ (มนุษย์กับฤดูใบไม้ผลิ) แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาแห่งการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองด้วย วิธีคิดที่มาคู่กับความกตัญญูกตเวที ก็คือการจุนเจือบริวาร คนที่เป็นผู้ใหญ่ สามารถหารายได้ด้วยตัวเองได้แล้ว จึงนิยมมอบอั่งเปาให้กับบริวาร อาจเป็นลูกหลาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อเป็นจรรโลงจิตใจให้ลดความตระหนี่ อย่างไรก็ดี กุศโลบายคำพ้องเสียงสะท้อนความเป็นมงคลก็ถูกนำมาใช้กับการให้อั่งเปาเช่นกัน ชาวจีนจึงไม่นิยมให้อั่งเปาตามจำนวนเงินที่มีเลข 4 เนื่องจากในภาษาจีน คำว่า ซื่อ (四) ที่แปลว่า 4 ออกเสียงคล้ายคำว่า สื่อ (死) ซึ่งมีความหมายไม่เป็นมงคล นอกจากนี้ ชาวจีนยังเชื่อในเลขคู่ ทำอะไรให้ทำเป็นคู่ เวลาให้อั่งเปา จึงนิยมให้เป็นเลขคู่”

ตรุษจีน

เปิดตำราส่องเทศกาลตรุษจีนในประเทศไทย

      “องค์ประกอบต่าง ๆ ในเทศกาลตรุษจีน ทั้งการกราบไหว้บรรพบุรุษ การบูชาเทพเจ้า ของไหว้ และอั่งเปา ล้วนเป็นแนวปฏิบัติดั้งเดิมที่มาจากชาวจีน ที่ถูกส่งต่อมายังประเทศไทย เนื่องจากแผ่นดินของเราโอบรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม และมีสัดส่วนของ หัวเฉียว(华侨)หรือชาวจีนโพ้นทะเลที่กระจายไปอยู่ตามประเทศต่าง ๆ หลากหลายชาติพันธุ์ ทั้งจีนแต้จิ๋ว จีนกวางตุ้ง จีนฮกเกี้ยน และไหหลำ ฯลฯ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์ใดก็ตาม พวกเขาก็ยังคงยึดถือในวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม ทั้งนี้ ด้วยความที่ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ เรามีพืชพรรณธัญญาหารมากมาย คนเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในไทยจึงค่อนข้างให้ความสำคัญกับการเซ่นไหว้ในเทศกาลตรุษจีน โดยนิยมไหว้หมู เห็ด เป็ด ไก่ พร้อมด้วยผลไม้และของมงคลต่าง ๆ อย่างเต็มที่ การเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในไทยจึงยิ่งใหญ่ และเป็นที่นิยมไม่แพ้ต้นอารยธรรมอย่างจีนแผ่นดินใหญ่เลยทีเดียว”

ตรุษจีนวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ในมุมมองของดร. วิทย์

      “จุดเริ่มต้นของเทศกาลตรุษจีน มาจากการเฉลิมฉลองฤดูกาลแห่งการเพาะปลูก ก่อนเติมเต็มด้วยความเชื่อและค่านิยมมากมาย จนกลายเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน ดังนั้นหากจะถามว่าตรุษจีนวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าเทศกาลนี้จะยังคงมีอยู่ต่อไป แต่อาจมีวิวัฒนาการเพิ่มเติมไปตามยุคสมัย เช่น บางคนไม่ทานเนื้อสัตว์ ในอนาคตอาจมีคนคิดทำชุดของไหว้แบบมังสวิรัติ หรือบางคนก็เริ่มคิดในเชิง Practical มากขึ้น ว่าของไหว้ที่ถวายเทพเจ้าไปแล้วจะนำไปใช้ทำอะไรต่อ ของไหว้ก็อาจจะเปลี่ยนรูปแบบเป็นของที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อได้มากขึ้น

      แต่ไม่ว่าในวันข้างหน้า วิวัฒนาการของตรุษจีนจะเป็นอย่างไร แก่นสารของเทศกาลตรุษจีนก็ยังคงเป็นเช่นเดิม คือการแสดงความเคารพต่อธรรมชาติและบรรพบุรุษ และแม้ปัจจุบัน จีนจะส่งจรวดไปสำรวจดาวอังคารได้แล้ว แต่ชาวจีนก็ยังให้ความสำคัญกับรากเหง้าของตน และยังคงประกาศว่าวันหยุดแห่งชาติคือเทศกาลตรุษจีนดังเช่นในอดีตครับ”

ตรุษจีน
ตรุษจีน
ตรุษจีน
ตรุษจีนไม่ใช่แค่เทศกาลเฉลิมฉลอง แต่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข การเชื่อมโยงครอบครัว และการเริ่มต้นสิ่งใหม่ที่เต็มไปด้วยความหมายและมงคล! 🏮
Find More Love