สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งความคลาสสิกของบ้านเก่าอายุกว่า 125 ปี พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศสุดวินเทจของ “บ้านตึกดิน” (Baan Tuk Din) ที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตชีวาให้ย่านถนนดินสอ ครบครันทั้งโรงแรม ร้านอาหาร แจซบาร์ รวมถึงคาเฟ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนชอบใช้ชีวิต
“บ้านตึกดิน” ตั้งอยู่บนถนนดินสอ เป็นย่านอยู่อาศัยของผู้คนที่มีอาชีพทำดินสอ สืบเนื่องกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อมีการสร้างถนนในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2441 เพื่อขยายเส้นทางสัญจรในพื้นที่พระนคร จึงได้ชื่อถนนว่า “ดินสอ” ตามอาชีพของคนในพื้นที่ ปัจจุบันเป็นย่านที่คึกคักและสร้างสีสันให้ใจกลางย่านพระนคร ด้วยการเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร โรงแรมที่พัก ซึ่งรอต้อนรับการกลับมาของการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ โดยมีหมุดหมายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ อย่าง “บ้านตึกดิน” ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
อาคารเก่าแก่อายุกว่า 125 ปีนี้เดิมทีเป็นบ้านของพระยา สุรเสนา (กลิ่น แสง-ชูโต) ซึ่งเป็นราชองครักษ์ ได้รับพระราชทานที่ดินมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 (หลังปี พ.ศ. 2440) ต่อมาบนที่ดินผืนนี้มีการก่อสร้างอาคาร 2 หลัง ประกอบด้วยอาคารหลักที่เป็นตึกก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ (ปัจจุบันไม่ปรากฎแล้ว) และเรือนคุณย่า เป็นเรือนไม้ผสมปูน หลังคาทรงมะนิลา ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น (ปัจจุบันเป็นอาคารหลักของโรงแรมบ้านตึกดิน) และอาคารพาณิชย์ (ตึกแถว 5 คูหา) ด้านหน้าที่มีอายุกว่า 80 ปี
การบูรณะพื้นที่เกิดขึ้นในปี 2555 โดยแนวคิดเริ่มต้นของ นิดา สุทัศน์ ณ อยุธยา และลูกพี่ลูกน้องในตระกูลแสง-ชูโต ได้แก่ บุรณี รัชไชยบุญ และ ราจิต แสง-ชูโต โดยคุณราจิตได้ทำงานร่วมกับ บริษัท สถาปนิก ทาวา จำกัด เริ่มต้นจากการ ค้นคว้า รูปแบบของอาคาร ชุมชน รวมทั้งสืบค้นประวัติจากความทรงจำของ ปราศรัย รัชไชยบุญ (สกุลเดิมแสง-ชูโต มารดาของคุณนิดา, คุณบุรณี และป้าของคุณราจิต) ผู้ที่เคยพักอาศัยในบ้านหลังนี้เมื่อครั้งอดีต จากนั้นจึง บูรณะซ่อมแซม โดยวิเคราะห์จากสถาปัตยกรรมที่มีอยู่เดิม สิ่งใดที่เป็นของแท้ก็เก็บไว้ สิ่งไหนที่ผุพังก็รื้อถอนและซ่อมแซม และ ปรับปรุงอาคาร โดยเพิ่มเติมระบบภายในอาคารสมัยใหม่เข้าไป เพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน แต่ยังคงรูปแบบอาคารที่มีความคลาสสิก ความประณีตในการออกแบบ และรายละเอียดของอาคารเดิมส่วนใหญ่เอาไว้
“สำหรับคอนเซปต์ในการออกแบบตกแต่งโรงแรม มาจากการสั่งสมประสบการณ์ต่าง ๆ ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงของสะสมที่เกิดจากการเดินทางทั้งจากแถบยุโรป อเมริกา หรือไทย ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์แนววินเทจ ของเก็บสะสมจากทั่วทุกมุมโลกอย่างโครงกระดูกสัตว์ ตู้ โต๊ะ ตั่ง เตียง เก้าอี้ฮันติ้งแบบโบราณ และอื่น ๆ ที่นำมาตกแต่งในบริเวณโรงแรมและห้องพัก ให้แขกที่เข้าพักได้ชื่นชมกับบรรยากาศราวกับอยู่ในแกลเลอรีของนักสะสม รวมทั้งยังมีพื้นที่ส่วนกลาง อย่างห้องสมุดเขากวาง ที่ปรับจากระเบียงบ้านให้แขกใช้เป็นที่นั่งรับแดด ดื่มชา กาแฟ หรือประชุมออนไลน์ก็ยังได้”
“ส่วนใหญ่เวลาไปพักโรงแรม ไม่ว่าจะในไทยหรือต่างประเทศ จะไม่ค่อยใช้เวลาอยู่ในห้องมากเท่าไหร่ กลับมาห้องพักก็คือมานอนชาร์จให้สบายพร้อมออกไปเที่ยวต่อ พอมาทำโรงแรมของตัวเองจึงคิดว่าในห้องพัก สำคัญที่สุดคือเตียง ต้องนอนสบาย จึงสั่งทำเตียงเป็นพิเศษ เพื่อให้แขกได้พักผ่อนอย่างสบายที่สุด”
ส่วน ดิน เรสเตอรอง แอนด์ แจซ บาร์ เป็นพื้นที่ที่ตั้งใจให้นักชิมไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือเพื่อนฝูงได้มีที่สังสรรค์ แฮงเอาต์แบบอบอุ่น สนุกสนาน กับร้านอาหารสไตล์โฮม คุกกิ้ง โดยการรังสรรค์ฝีมืออาหารของ “เชฟนก” ณมน จรุงกลิ่น อดีตนางแบบโฆษณา ผู้รักในการทำอาหารจนเปิด Chef’s Table ที่เลื่องลือความอร่อยในหมู่นักชิมทั้งชาวไทยและต่างชาติ มีเมนูไฮไลต์ทั้งอาหารไทยและเทศที่เป็นสูตรของครอบครัวมากมายหลายเมนู และยังมีเครื่องดื่มค็อกเทลสูตรพิเศษจาก Mixologist และบาร์เทนเดอร์ฝีมือระดับแชมป์ จิบเคล้าเสียงบรรเลงเพลงแจซ โดยจะมีวงดนตรีแจซเล่นสด ทุกค่ำคืนวันพฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ พร้อมนักร้องเสียงดีที่คอแจซต้องหลงรัก อาทิ “เปอติ๊ด” ญาดา โกเมศ นักร้องสาวเสียงทรงเสน่ห์ที่โด่งดังจากเวที The Voice ร่วมมอบความเพลิดเพลินให้แขกผู้มาเยือน
ชโลบา บูติค คาเฟ่
สำหรับคาเฟ ฮอปเปอร์ต้องไม่พลาดมาเช็คอินที่ ชโลบา บูติค คาเฟ่ เปิดประสบการณ์กาแฟสไตล์ตุรกี ที่นำเทคนิคดั้งเดิมมาผสานเข้ากับสมัยใหม่ คาเฟสุดฮิปนี้มีวิธีชงกาแฟ 3 แบบให้เลือก ได้แก่ French Press, Drip และ Sand Coffee โดย “Sand Coffee” ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์นี้ ใช้การชงด้วยเทคนิคดั้งเดิมของอาณาจักรออตโตมัน ที่ใช้ทรายเป็นตัวกระจายความร้อน เพิ่มความนุ่มและสัมผัสครีมมี่ให้กับกาแฟ วิธีนี้เป็นวิธีการชงที่อดีตกองคาราวานมักใช้ระหว่างเดินทางในทะเลทราย และกลายเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมกาแฟของตุรกี สำหรับไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ทั้งยังตกแต่งร้านแบบไม่ซ้ำใคร เหมาะกับการมาถ่ายรูปเช็คอินบนเก้าอี้วินเทจและโคมไฟระย้าขนาดใหญ่สุดคลาสสิคกลางร้าน
โรงแรมบ้านตึกดิน
โรงแรมบ้านตึกดิน (Baan Tuk Din Hotel) ประกอบด้วยพื้นที่ 2 ส่วน คือ อาคารด้านหลัง (อาคารบี) ที่เป็นเรือนคุณย่า เรือนโบราณใต้ถุนสูง เป็นเรือน 2 ชั้น และเพิ่มเติมความแปลกใหม่ด้วยโครงกระดูกสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่คุณราจิตได้สะสมไว้ และ อาคารด้านหน้า (อาคารเอ) จากเดิมเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น (ห้องแถว 5 คูหา) ริมถนนดินสอ ปรับปรุงออกแบบเป็นห้องพักชั้นบน 9 ห้อง
สำหรับห้องพักของโรงแรมบ้านตึกดินมีให้เลือกถึง 5 ประเภท แต่ละห้องถูกออกแบบ ตกแต่งให้มีสไตล์ และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันทุกห้อง คือ เตียงที่ถูกสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ
- ห้องรอยัล สวีท (Royal Suite Room) จำนวน 2 ห้อง
- ห้องจูเนียร์ สวีท (Junior Suite Room) ห้องหกเหลี่ยม จำนวน 2 ห้อง
- ห้องดูเพล็กซ์ (Duplex Room) ห้องพัก 2 ชั้น ที่มีบันไดเวียนเหล็กโบราณเชื่อมระหว่างห้องนอนชั้นบน กับห้องนั่งเล่นชั้นล่าง จำนวน 2 ห้อง
- ห้องพรีเมียร์ (Premier Room) จำนวน 4 ห้อง
- ห้องเดอลุกซ์ (Deluxe Room) ติดริมถนนดินสอ จำนวน 8 ห้อง
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักครบครันตามมาตรฐานสากลไม่ว่าจะเป็นเตียงขนาดใหญ่,
ฟรีมินิบาร์, Wi-Fi, Netflix, เครื่องปรับอากาศ, ตู้เย็น, ไดร์เป่าผม, ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ, ผ้าเช็ดตัว, เสื้อคลุม, รองเท้าแตะ และตู้เซฟ ในส่วนห้องพักของโรงแรม เปิดบริการทุกวัน 24 ชม.
“บ้านตึกดิน” ถนนดินสอ อีกหนึ่งหมุดหมายสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย ที่เหมาะกับการสังสรรค์ของทั้งกลุ่มเพื่อนและครอบครัวที่ไม่ควรพลาด
สำรองห้องพัก โทร. 062 468 8644 สำรองที่นั่งร้านอาหาร โทร. 098 634 2666 รายละเอียดเพิ่มเติมทาง www.baantukdinhotel.com Facebook: Baan Tuk Din Hotel, Instagram: Baantukdinhotel, และ Line Official: @baantukdin